ประวัติศาสตร์ชนชาติม้งที่ซ่อนเร้นมากว่า 5,000 ปี ตอน 9

เปิดตำนานประวัติศาสตร์ชนชาติม้งที่ซ่อนเร้นมากว่า 5,000 ปี ตอน 9
ชาวม้งใน ไ่ห่หนาน ครั้งที่แล้วคุยกันว่าเมื่อความเจริญรุ่งเรืองเข้ามามากขึ้น สิ่งดี ๆ ที่สืบทอดมาก็ค่อย ๆ หายไป มีชาวม้งหลายครอบครัวที่อาศัยอยู่ในเมือง มีบ้านดี รถดี มีงานดี ๆ แต่เขาไม่สามารถจะพูดภาษาม้งได้แม้แต่คำเดียว มาถึงตอนนี้ ชนบางกลุ่มแม้เขาจะใช่ม้งหรือไม่ แต่เขาก็อยากจะเป็นม้ง และยอมรับว่าตนคือม้ง…….. ยังมีม้งกลุ่มหนึ่งอาศัยอยู่ที่เกาะไห่หนาน (Pov Txwv Hainan) ซึ่งอยู่ทางใต้ของจีน เช่นที่หมู่บ้านเหม่าอั้น (Mau Un) เมืองถงฉะ (Thoov Txam) ประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่า ปี 1300 รัฐบาลได้พากำลังพลชาวม้ง 10,000 นาย จากเมืองกวางซิ มาช่วยรบที่ไห่หนาน เพราะชาวม้งรู้วิธีการยิงธนูอาบยาพิษ แต่ไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่า ครอบครัวของบรรดาทหารม้งเหล่านี้ไปพร้อมกำลังพลทีเดียวเลย หรือตามไปทีหลัง แต่เมื่อสงครามสงบ ทหารม้งเหล่านี้ถูกทอดทิ้งไว้ที่เกาะไห่หนาน จนในปัจจุบันมีประชากรม้งที่นี่ 60,000 คน ที่อยู่ที่จังหวัดไห่หนาน นักเขียนบางคนได้บันทึกไว้ว่า ม้งในไห่หนานเป็นเย้าที่แปลงเป็นม้ง ม้งในหมู่บ้านเหม่าอั้นเองก็กล่าวว่า ตามตำนาน พวกเขาเป็นชนเผ่าเย้าจริง แต่ได้แปลงมาเป็นชนเผ่าม้งมานานหลายร้อยปีมาแล้ว ที่หมู่บ้านเหม่าเจ๊ง (Maum Tseeb) อยู่ห่างจากหมู่บ้านเหม่าอั้น 3 ไมล์ พวกเขามีตำนานที่ต่างจากม้งในหมู่บ้านเหม่าอั้น ซึ่งพวกเขากล่าวว่า ดั้งเดิมพวกเขาก็คือม้ง…..ทำไมม้งในละแวกใกล้เคียงกันแต่การบอกเล่าประวัติเกี่ยวกับตัวเขาแตกต่างกัน…. ตามเส้นทางการค้นคว้าคงต้องศึกษาให้ลึกกว่านี้จึงจะทราบว่าเรื่องราวเป็นอย่างไรกันแน่..เพราะการแต่งตัวของพวกเขาน้อยอย่างที่คล้ายม้ง แต่ไม่เหมือนม้งเสียมีเดียว ส่วนภาษาต่างกันมากคนละสำเนียง คนที่เรียกตัวเองว่า “ม้ง” ในไห่หนานนั้นพูด 60 คำ จะมีใกล้เคียงภาษาม้งแค่ 5 คำ ท่านผู้อ่านก็พิจารณาถามตัวเองว่าพวกเขาใช่ม้งหรือไม่ ?……
ผู้นำม้งในไห่หนาน เป็นผู้หนึ่งที่มีชื่อเสียง เขาชื่อ “หลี เหม่ง เทียน” ทำงานอยู่ไห่โกะ เมืองไห่หนาน เป็นผู้มีหน้าตาดี หลี เหม่ง เทียน มีความเชื่อตามชาวบ้านเหม่าเจ๊ง ที่กล่าวว่า…ม้งในไห่หนานก็เป็นม้งมาแต่ดั้งเดิม เพราะตำนาน ประวัติ และนิทานต่าง ๆ ก็เหมือนม้งในฮูหนาน และที่อื่น ๆ ม้งในประเทศจีน แต่ละกลุ่มก็พูดภาษาต่างกันไป เพราะพวกเขาถูกแบ่งแยก ด้วยศึกสงคราม รัฐบาลจีนให้แต่ละกลุ่มไปอยู่แต่ละที่มานานนับพัน ๆ ปี ม้งอีกกลุ่มพูดอีกกลุ่มก็ฟังไม่เข้าใจ นักวิชาการจีนได้แบ่งภาษาม้งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ กลุ่มภาษาม้งที่ อยู่ทางตะวันออก เช่น ม้งในเมืองฮูหนาน กลุ่มภาษาม้งภาคกลาง เช่น เมืองกุ้ยเจ๊อ กลุ่มภาษาม้งภาคตะวันตก เช่น เมืองยูนนาน ถ้าหากต่างกลุ่มต่างพูดกันก็ฟังไม่เข้าใจ
สาวม้ง ไห่หนาน แต่ถ้านำภาษามาเปรียบเทียบเป็นคำ ๆ ไป ภาษาจะยังคงคล้ายกันอยู่มาก สิ่งที่บอกกล่าวได้ชัดเจน แม้ทุกคนจะไม่ได้พูดภาษาเดียวกัน หรือพูดกันไม่เข้าใจกันก็ตาม แต่ต่างก็เป็นม้ง และเคารพสักการะบรรพบุรุษม้งคนเดียวกัน คือ “จือโหย่” (Txwv Yawg) ผู้นำม้งเมื่อ 5,000 ปีมาแล้ว ก่อนหน้าที่ม้งยังไม่ได้ถูกรัฐบาลจีนแบ่งแยกไปอยู่คนละที่ปะปนกับชนชาติอื่น ๆ ม้งทุกกลุ่มยังมีนิทาน บทเพลง หรือวัฒนธรรมอื่นเหมือนกัน สิ่งหนึ่งที่บอกได้แน่ชัดว่าเป็นม้ง และทุกคนมาจากบรรพบุรุษคนเดียวกัน คือ จือโหย่ นั่นคือ “บทเพลงส่งวิญญาณผู้วายชนม์” (Zaaj Qhuab Ke) แต่เป็นเพราะศึกสงคราม และการถูกบังคับกดขี่จากจีน และบังคับให้ไปอยู่ตามป่าเขาลำเนาไพร ทิ้งชีวิตอันรุ่งเรืองไว้เบื้องหลัง จำใจยอมเป็นคนล้าหลังมานับพัน ๆ ปี จนเป็นที่ยอมรับของกลุ่มชนว่า เป็นผู้ล้าหลัง ชีวิตของพวกเขาสู้คนอื่นไม่ได้ และพวกเขาคือคนโง่…แม้แต่สาวม้งเองก็ยังไม่สนใจในหนุ่มม้งต่อไปแล้ว เพราะหนุ่มม้งมีชีวิตที่ลำบาก ขาดการศึกษา ยากจน สาวม้งที่หน้าตาดีส่วนมากยอมแต่งงานกับหนุ่มนอกชนเผ่าของตน เพราะเขามีหน้าตา-อนาคตที่ดี บางหมู่บ้านบรรดาพ่อค้าคนจีนที่ร่ำรวย ก็มาร้องขอให้สาวม้งยืนเรียงแถวเพื่อให้พวกเขาเลือกไปเป็นภรรยา ชาวจีนนิยมมีภรรยาเป็นชาวม้ง เพราะสาวม้งเชื่อฟังสามี ทำงานดี และไม่ฟุ่มเฟือย สาวม้งเองก็ชอบสามีเป็นคนจีน เพราะเขามีเงิน อนาคตคงไม่ลำบาก ยามใดที่สาวงามม้งถูกหนุ่มจีนเลือกแล้ว หนุ่มม้งแม้จะอาลัยเพียงใดก็ไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยคำอวยพรสักคำแก่สาวม้งเหล่านั้น หนุ่มม้งจำนวนมากถูกสาวม้งทอดทิ้งเพื่อไปแต่งงานกับหนุ่มจีน จุดนี้เป็นจุดที่ยิ่งตอกย้ำให้หนุ่มม้งตกต่ำมากที่สุด เพราะหนุ่มม้งไม่กล้าที่จะรักสาวงามชาวม้ง เลย เพราะประวัติศาสตร์สอนหนุ่มม้งว่า… สาวม้งที่สวยงามเป็นภรรยาของชนชาติอื่น สาวขี้เหร่เท่านั้น..คือภรรยาชาวม้ง…. สาวม้งจีนเรียงแถวให้พ่อค้าจีนเลือก สาวม้งเหล่านี้อาจลืมความเป็นม้งของตัวเองไปเลย และเขาคงไม่เสียดายวิถีชีวิตความเป็นม้งของเขา ที่ครั้งหนึ่งเขาจะเคยรักกับหนุ่มม้งปานใดก็ตามปัญหาใหญ่สำหรับชาวม้งก็คือ…คนขี้เหร่แต่งงานกับคนขี้เหร่…พ่อแม่หน้าตาไม่ดี เมื่อมีลูก มีหลาน ก็มีหน้าตาขี้เหร่เหมือนพ่อแม่เช่นกัน ชาวม้งจึงยอมรับโดยปริยายว่า ม้งเป็นกลุ่มชนที่หน้าตาไม่สะสวยดั่งชนชาติอื่น เป็นเรื่องที่น่าเศร้า และเสียใจมาก ชีวิตที่ลำบากลำบนอาจไม่เป็นที่ต้องการของบุคคลทั่วไปรวมถึงสาวม้งด้วย แต่สำหรับชนชาติม้งผู้ไร้ประเทศโดยรวมแล้ว ชาวม้งก็ไม่อยากให้สาวงามม้งเหล่านั้นหายหน้าหายตาไปจากชนเผ่าของตน จนกลายเป็นกลุ่มชนอื่นไป บางทีชีวิตที่ลำบาก ล้าหลัง อยู่ตามป่าตามเขา คือหนทางที่ดี เป็นหนทางที่ป้องกันไม่ให้ชนชาติม้งสูญพันธุ์ไปอย่างรวดเร็ว สิ่งนี้คือบรรพบุรุษม้งที่ได้นำพาชาวม้งมากว่า 5,000 ปี จึงทำให้ชาวม้งไม่สูญหาย หรือสูญพันธุ์ไปจากโลกนี้ ชาวม้งเป็นกลุ่มชนที่ได้รับความลำบากทุกข์ยากมาก แต่บางทีเป็นการนำพาพวกเขาไปในทางที่ถูกต้องแล้ว คือ ป้องกันการสูญพันธุ์ไป เพื่อที่จะอยู่ต่อไปในอนาคต อาจมีวัน เวลา และสถานที่แห่งหนึ่งให้ชนชาติม้งกลับมารุ่งเรืองเปรียบเสมือนต้นไม้ที่ออกดอก ออกผล ชีวิตชาวม้งต่อไปภายภาคหน้า ความลำบาก…ความฝัน….จะยังมีต่อแต่เราชาวม้งต้องถามตัวเองว่า บรรพบุรุษชาวม้งได้ทนความทุกข์ ทรมาน ความทุกข์ยาก เพื่อป้องกันความเป็นม้งมากว่า 5,000 ปี ทำให้วันนี้มีม้งอยู่บนโลกใบนี้ พวกเราชาวม้งจะสามารถอยู่เป็นม้งต่อไปภายภาคหน้าต่ออีก 5,000 ปี ได้หรือไม่? ส่วนใหญ่บอกว่าชีวิตความเป็นชาวม้งลำบาก เป็นชนเผ่าที่ไร้ประเทศ และม้งเป็นกลุ่มชนที่ใจร้ายใจดำ ชาติหน้าจะไม่ขอเกิดมาเป็นม้งอีก แต่สำหรับผู้ค้นคว้าเอง (Ywj Pheej Xyooj Yog Tus Tshawb Ntshiav โดมดอย Yog Tus Txhais Lus) หากมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และสามารถขอได้จริงละก็ จะขอให้ทุก ๆ ชาติ ได้เกิดมาเป็นม้งอีก เพราะเชื่อว่าสิ่งที่ดีที่สุดของม้ง และสิ่งที่ม้งอยากได้มากที่สุดยังมาไม่ถึงเท่านั้นเอง

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น